วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

           เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา : พัฒนาการบัญชีเด็กและเยาวชน สร้างโรงเรียนต้นแบบ
       1. ชื่อโครงการ
โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาส
ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา : พัฒนาการบัญชีเด็กและเยาวชน สร้างโรงเรียนต้นแบบ
       2. หน่วยงานรับผิดชอบ
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ด้วยการร่วมมือและประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
       3. หลักการและเหตุผล
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีคุณูปการหาที่สุดมิได้ ในการพัฒนา
คุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชน ประชาชน ในถิ่นทุรกันดาร และผู้ด้อยโอกาสทั้งหลาย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 ต่อเนื่องกัน
มาจนถึงปัจจุบัน กว่าสามทศวรรษแล้ว
ในการพัฒนาทรงยึด "คน" เป็นศูนย์กลางการพัฒนา ใช้โรงเรียนเป็นฐาน (School Based)
เน้นการพัฒนาแบบองค์รวม (Holistic Approach) ให้ครอบคลุมมิติต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา และยังประโยชน์
สุขแก่ประชากรกลุ่มเป้าหมายอย่างสมดุล ทั้งมิติด้านอาหาร โภชนาการและสุขภาพอนามัย การศึกษา การงาน
อาชีพ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมท้องถิ่น ทรงใช้หลักการบริหารงานแบบมี
ส่วนร่วม ด้วยการบูรณาการหน่วยงานต่าง ๆ ทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน ชุมชน และประชาชน ผนึก
กำลังร่วมกันพัฒนา เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิต โดยมุ่งความสุขของบุคคล ทั้งทางด้านวัตถุ สังคม วัฒนธรรม
และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติอย่างยาวนาน เป็นที่ประจักษ์ชัดในพระปรีชาสามารถ ในการ
พัฒนาคุณภาพชีวิต เด็ก เยาวชน ประชาชนในถิ่นทุรกันดาร และผู้ด้อยโอกาสเหล่านั้นให้ดีขึ้น สามารถยืนหยัด
ด้วยลำแข้งของตนเองได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น พระมหากรุณาธิคุณและพระ
อัจฉริยภาพในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ยังแผ่ไพศาลไปยัง เด็ก เยาวชน ประชาชนใน
ต่างประเทศ อีกหลายประเทศด้วย
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์เป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่ได้เข้าร่วมปฏิบัติสนองงานตามพระราชดำริ ตั้งแต่
เดือนตุลาคม พ.ศ.2540 ในมิติด้านอาหาร โภชนาการ และสุขภาพอนามัย ด้วยโครงการเกษตรเพื่ออาหาร
กลางวัน และโครงการส่งเสริมสหกรณ์ ในมิติด้านการงานอาชีพ ตามพระราชดำริที่ทรงให้ร่วมกันพัฒนาโรงเรียน
ให้สามารถจัดการเรียนการสอนการทำบัญชีสหกรณ์ บัญชีฟาร์ม บัญชีรับ - จ่ายส่วนตัวของนักเรียน พร้อมทั้งการ
ส่งเสริมให้ครัวเรือนในชุมชนได้เรียนรู้การทำบัญชี ให้ทำบัญชีครัวเรือน และบัญชีประกอบการงานอาชีพของ
ตนเองได้ ด้วยการเรียนรู้จากบุตรหลาน และจากโรงเรียนในชุมชน เพื่อให้เยาวชน และประชาชนในถิ่นทุรกันดาร
เห็นความสำคัญของการทำบัญชี สามารถทำบัญชีได้ ใช้บัญชีเป็นเครื่องมือช่วยพัฒนาอุปนิสัยของเยาวชน
และประชาชน ให้รู้จักค่าของเงิน ใช้เงินอย่างคุ้มค่า ให้รู้จักการออม มีความซื่อสัตย์ มีวินัยทางการเงิน มีความ
ละเอียดถี่ถ้วน มีความเพียรพยายาม และรู้จักวิเคราะห์ตนเองด้านการเงินการบัญชี ที่จะนำไปสู่การพัฒนาตนเอง
ครอบครัว และชุมชน ให้มีภูมิคุ้มกันพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง เป็นการพัฒนาสู่ความพอเพียง สู่อนาคตที่เจริญ
อย่างยั่งยืน
2
ดังนั้น ในปี พ.ศ.2556 จึงริเริ่มจัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๖๐ พรรษา โดยการร่วมมือกับโรงเรียน และหน่วยงานที่
เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดพัฒนาให้ครูสอนการทำบัญชี ทั้งบัญชีกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน และบัญชีกิจกรรมผลิต
ทางการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันได้ทุกสาระการเรียนรู้ ตลอดจนการพัฒนาสื่อการเรียนการสอน และวิธีการ
เรียนการสอนการทำบัญชีในโรงเรียนให้เหมาะสมยิ่งขึ้น รวมทั้งร่วมกันพัฒนาโรงเรียนที่มีการปฏิบัติที่ดี (Good
Practice) ด้านการเรียนการสอนการทำบัญชี และมีความพร้อมให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการบัญชี เพื่อถ่ายทอด
ความรู้ทางด้านบัญชีให้ประชาชน และชุมชนในพื้นที่ พัฒนาโรงเรียนให้เป็นต้นแบบการทำบัญชี และขยายผลจาก
โรงเรียนสู่ชุมชนในพื้นที่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ใน
ปี พ.ศ.2558
       4. วัตถุประสงค์
               4.1 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
               4.2 เพื่อยกระดับความสามารถด้านการสอนวิชาบัญชีของครูให้สูงขึ้นทั้งบัญชีกิจกรรมสหกรณ์
และบัญชีกิจกรรมผลิตทางการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน อย่างมีคุณภาพ
               4.3 เพื่อสร้างและพัฒนาครูบัญชีเยาวชน ให้ร่วมคิด ร่วมเรียนรู้ และร่วมพัฒนาภูมิปัญญาทาง
บัญชีสู่นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน
               4.4 เพื่อให้นักเรียน เยาวชน และชุมชนได้เรียนรู้บัญชีกิจกรรมสหกรณ์/ บัญชีต้นกล้า บัญชีรับ
จ่ายในครัวเรือน บัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ รวมทั้งการนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ในการสร้างวินัยทางการเงิน รู้จัก
การใช้จ่ายเงิน สร้างรายได้ และก่อให้เกิดวินัยการออมในอนาคต
               4.5 เพื่อส่งเสริมให้โรงเรียนเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ด้านการบัญชี ทำการถ่ายทอดเทคโนโลยีความรู้ด้านการบัญชีแก่ประชาชน และชุมชนในพื้นที่ให้สามารถทำบัญชี
ได้เอง และใช้บัญชีเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ พัฒนาตนเองและชุมชน
       5. เป้าหมาย
คัดเลือกโรงเรียน 60 โรงเรียน เพื่อทำการศึกษา วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล และดำเนินการ
พัฒนาด้านการบัญชี ให้เป็นโรงเรียนต้นแบบ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 เป็นต้นไป
       6. การดำเนินโครงการ
               6.1. แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงาน และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฯ เพื่อ
รับผิดชอบงานในแต่ละด้าน
               6.2 จัดประชุมซักซ้อม เพื่อชี้แจงโครงการ และแนวทางการดำเนินงานของกรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ให้หน่วยงานในสังกัดทราบ
               6.3 จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์โครงการเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
สยามบรมราชกุมารี
               6.4 พัฒนาคู่มือ จัดทำหลักสูตร และสื่อการเรียนการสอน และพิมพ์เผยแพร่ให้แก่บุคลากรใน
โครงการ
               6.5 พัฒนาโรงเรียนให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านการบัญชี

               6.6 ออกแบบเครื่องมือในการติดตามประเมินผลงานในแต่ละด้าน
               6.7 พัฒนาระบบฐานข้อมูล “โครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรม
ราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา : พัฒนาการบัญชีเด็กและเยาวชน สร้างโรงเรียนต้นแบบ”
เพื่อประโยชน์ในการติดตามความก้าวหน้าผลการปฏิบัติงานตามโครงการ
              6.8 การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการบัญชีให้แก่กลุ่มเป้าหมายในโครงการ และประชาสัมพันธ์
การจัดทำโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ระดับจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ
                         (1) ครูกิจกรรมสหกรณ์ / ครูกิจกรรมผลิตทางการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน และนักเรียน
ที่รับผิดชอบกิจกรรม ให้ความรู้เกี่ยวกับการบัญชีกิจกรรมสหกรณ์นักเรียน และกิจกรรมผลิตทางการเกษตรเพื่อ
อาหารกลางวัน และครูโครงการอาหารกลางวัน
                        (2) ครูบัญชีเยาวชน ให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีต้นกล้าเศรษฐกิจพอเพียง บัญชีรับ –
จ่ายในครัวเรือน และบัญชีต้นทุนประกอบอาชีพ เพื่อให้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ด้านการบัญชี และติดตามผลการ
จัดทำบัญชี
                        (3) ชุมชน ภาคประชาชน สถาบันเกษตรกร/สถาบันการศึกษา และหน่วยงานในพื้นที่
ประชาสัมพันธ์ให้ทราบ เพื่อร่วมสนับสนุนโครงการ
             6.9 การติดตามประเมินผลโครงการ ประกอบด้วย
                        (1) สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ระดับจังหวัด (สตส.) ติดตามประเมินผลการเรียนการสอน
ของครูกิจกรรมสหกรณ์ ครูกิจกรรมผลิตทางการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ครูบัญชีเยาวชน
                        (2) สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ระดับภาค ติดตามประเมินผลการดำเนินงานของ สตส.
เพื่อร่วมพัฒนางานให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
                        (3) คณะกรรมการ/คณะอนุกรรมการ ติดตามประเมินผลงานแต่ละด้าน อาทิเช่น การ
พัฒนาหลักสูตร การพัฒนาสื่อการเรียนการสอน การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านการบัญชี เป็นต้น เพื่อปรับปรุง
พัฒนางานในแต่ละด้านให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้


พระราชประวัติ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
HRH Biography Banner


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์ที่ ๓ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ได้รับพระราชทานพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์
ด้วยเหตุที่ทรงบำเพ็ญพระราชกิจจานุกิจนานัปการอันเป็นประโยชน์แก่แผ่นดินและราษฎร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สถาปนาพระราชอิสริยยศ และพระราชอิสริยศักดิ์ เป็น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๐ และจากพระวิริยะอุตสาหะในการทรงศึกษาหาความรู้และบำเพ็ญพระราชกิจนานัปการ พระเกียรติคุณ เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้ง ทั้งในราชอาณาจักร และนานาชาติ จึงทรงรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แห่งราชอาณาจักรไทย และทรงรับการทูลเกล้า ฯ ถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
พระราชพิธีสถาปนาพระราชอิสริยศักดิ์ พระราชพิธีสถาปนาพระราชอิสริยศักดิ์

  • พระราชพิธีสถาปนาพระราชอิสริยศักดิ์
  • เครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งราชอาณาจักรไทย
  • เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ

การศึกษา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเริ่มต้นการศึกษาระดับอนุบาล เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๑ ณ โรงเรียนจิตรลดา ในเขตพระราชฐาน พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยทรงศึกษา ต่อเนื่องไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา ตลอดระยะเวลาที่ทรงศึกษา ทรงเอาพระทัยใส่ในการเรียน โปรดการอ่าน และการศึกษาวรรณคดี ทั้งของไทยและต่างประเทศ ทรงเริ่มแต่งคำประพันธ์ต่าง ๆ ทั้งร้อยแก้ว และร้อยกรอง ตั้งแต่ยังทรงศึกษา ในชั้นประถมศึกษา โปรดการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ทั้งด้านกีฬา ดนตรี บันเทิง และกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์
ณ โรงเรียนจิตรลดา ณ โรงเรียนจิตรลดา
หลังจากทรงสำเร็จการศึกษา ประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศิลปะ จากโรงเรียนจิตรลดา เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๖ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอบเข้าศึกษาต่อ ในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แม้จะมีพระราชภารกิจ โดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ไปเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่าง ๆ แต่ก็ทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ ในการเรียนอย่างยิ่ง และยังทรงร่วม กิจกรรมของคณะ และของมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับนิสิตทั่วไป ในปีการศึกษา ๒๕๑๙ ทรงสำเร็จการศึกษา และทรงเข้ารับพระราชทานปริญญา อักษรศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง สาขาวิชาประวัติศาสตร์
ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ในพุทธศักราช ๒๕๒๐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสมัครเข้าศึกษาต่อ ระดับมหาบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยศิลปากร และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกันทั้งสองแห่ง ทรงสำเร็จการศึกษาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาจารึกภาษาตะวันออก จากมหาวิทยาลัยศิลปากร ในปีการศึกษา ๒๕๒๒ หลังจากนั้น ทรงสำเร็จการศึกษา อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาภาษาบาลี - สันสกฤต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปีการศึกษา ๒๕๒๔ ต่อมา ด้วยความสนพระทัยงานด้านการพัฒนา โดยอาศัยหลักวิชาการศึกษา หรือการเรียนรู้เป็นแกน จึงทรงสมัครเข้าศึกษาต่อในระดับดุษฎีบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ทรงสำเร็จการศึกษา และรับพระราชทานปริญญา การศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพัฒนศึกษาศาสตร์ในปีการศึกษา ๒๕๒๙
หลักคิดในการใช้การศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้าง และพัฒนาความรู้ ความคิดของประชาชน และเป็นเครื่องมือในการพัฒนาชุมชน และสังคม ที่ทรงได้รับจากการศึกษา ในระดับดุษฎีบัณฑิต ผนวกกับประสบการณ์ ที่ทรงเรียนรู้ จากการโดยเสด็จพระราชดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเป็นพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่ง ในการทรงงานพัฒนา ของพระองค์เอง ในเวลาต่อมา จวบจนปัจจุบัน
นอกเหนือจากการศึกษาในระบบ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ยังสนพระทัยศึกษาเพิ่มเติม ดูงาน ประชุมสัมมนา และฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ ในวิชาการด้านอื่น ๆ อีกหลายด้าน เช่น ภูมิศาสตร์กายภาพ อุทกศาสตร์ พฤกษศาสตร์ การจัดการทรัพยากรดินและน้ำ รีโมตเซนซิ่ง ระบบภูมิสารสนเทศ แผนที่ โภชนาการ เป็นต้น ด้วยมีพระราชประสงค์ ที่จะนำความรู้ที่ได้จากวิชาการเหล่านี้ ไปประยุกต์ใช้ในการทรงงานพัฒนาชุมชน และยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร

  • พระราชประวัติการศึกษา
  • การศึกษาดูงานและการประชุมทางวิชาการ พุทธศักราช ๒๕๒๐ - ๒๕๔๐
  • การศึกษาดูงานและการประชุมทางวิชาการ พุทธศักราช ๒๕๔๑ - ปัจจุบัน

การรับราชการ
หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาระดับอุดมศึกษาแล้ว ในพุทธศักราช ๒๕๒๓ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์กองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทยและสังคมวิทยา ต่อมาในพุทธศักราช ๒๕๓๐ ได้มีการตั้งกองวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระยศ พันเอก ทรงดำรงตำแหน่งหัวหน้ากอง (ซึ่งต่อมาได้มีการขยายตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองในพุทธศักราช ๒๕๓๒ พร้อมกับกองอื่น ๆ) ทรงเป็นผู้อำนวยการกองวิชาประวัติศาสตร์พระองค์แรกจนถึงปัจจุบัน มีพระราชภารกิจ ทั้งการบริหาร การสอน และงานวิชาการอื่น ๆ ต่อมา ทรงได้รับพระราชทานพระยศ พลเอก ในพุทธศักราช ๒๕๓๙ และทรงได้รับโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์ (อัตราจอมพล) ในพุทธศักราช ๒๕๔๓ นอกจากนี้ ยังได้ทรงรับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษบรรยายวิชาการ ณ สถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยศิลปากร
  

  • พระยศและพระตำแหน่งทางราชการ

พระราชกิจ
นอกเหนือจากพระราชภารกิจในหน้าที่ราชการ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ ครอบคลุมงานสำคัญ ๆ อันเป็นประโยชน์หลักของบ้านเมือง เกือบทุกด้าน และทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ให้ทรงปฏิบัติ พระราชกรณียกิจที่ทรงสืบสาน ต่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ตามที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ มอบหมาย โดยเฉพาะการทรงงาน ด้านการบริหารองค์การ และมูลนิธิ เพื่อสาธารณกุศล ทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา ประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย รวมทั้งการเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ และการปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในโอกาสต่าง ๆ เช่น การพระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้า ฯ การพระราชทานปริญญาบัตร การถวายผ้าพระกฐิน เป็นต้น
 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีทรงจัดตั้งโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนผู้ยากไร้ในชนบท โดยเฉพาะการส่งเสริมสุขภาพอนามัย และแก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการ ทรงเห็นว่าเด็กจะเรียนหนังสือไม่ได้ ถ้าท้องหิว หรือเจ็บป่วย จึงทรงริเริ่มโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๓ ทรงเห็นความสำคัญของการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงพระราชทานพระราชทรัพย์ให้ก่อสร้างโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร ศูนย์การเรียนชุมชนสำหรับชาวไทยภูเขา ห้องเรียนเคลื่อนที่ ทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์เป็นค่าตอบแทนครูผู้สอน และทรงจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนพระราชทาน เพื่อให้เยาวชนมีโอกาสได้รับการศึกษาที่เหมาะสม จะได้มีความสามารถในการพึ่งตนเอง และเป็นที่พึ่งของครอบครัวได้ในอนาคต ทรงติดตามการดำเนินงาน โครงการตามพระราชดำริอย่างใกล้ชิด และเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในโครงการ ด้วยพระองค์เองเสมอ
จากการที่มีประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายเงินเพื่อโดยเสด็จพระราชกุศล หรือสมทบทุนดำเนินงานโครงการพัฒนาต่าง ๆ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นำเงินที่มีผู้ทูลเกล้า ฯ ถวายดังกล่าวมาจัดตั้งเป็นกองทุน ทุนการกุศลสมเด็จพระเทพ ฯ เพื่อให้การสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยากเดือดร้อน หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์อื่น ๆ
นอกเหนือจากงานพัฒนา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สนพระทัยงานศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างยิ่ง มีพระราชดำริว่า ควรจะมีการถ่ายทอดงานด้านวัฒนธรรมไปสู่เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ผ่านกระบวนการจัดการศึกษาอบรม ทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้เรียนรู้ ตระหนักความสำคัญ รักและผูกพันในศิลปวัฒนธรรมของชาติ สามารถสืบทอดเพื่อการอนุรักษ์และอาจพัฒนาเป็นอาชีพได้ ทรงสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของไทย พระอุตสาหะในการปฏิบัติกิจการอันเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองและประชาชน เป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรทั่วหน้า จึงทรงได้รับการทูลเกล้า ฯ ถวายรางวัลเกียรติยศ พระเกียรติคุณ ตำแหน่งเกียรติยศ และปริญญากิตติมศักดิ์ จากสถาบัน หน่วยงานและองค์กร ทั้งในราชอาณาจักรและต่างประเทศจำนวนมาก
พระราชจริยาวัตรที่ประชาชนทั่วไปได้เห็นประจักษ์ คือ พระเมตตาและความเอาพระทัยใส่ในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชปณิธานที่จะช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ยาก เดือดร้อนโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ เผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ ศาสนา พสกนิกรต่างยกย่อง และชื่นชมในพระบารมี ดังนั้น เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติที่ทรงมีคุณูปการต่อชาติบ้านเมืองในด้านต่าง ๆ มาโดยตลอด จึงมีบุคคล หน่วยงาน สมาคม และองค์กรต่าง ๆ ทั้งในราชอาณาจักรและในต่างประเทศ ขอพระราชทานอัญเชิญพระนามาภิไธย และขอพระราชทานนาม ไปเป็นชื่อพรรณพืช และสัตว์ที่ค้นพบใหม่ในโลก รวมทั้งสถานที่ และสิ่งต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเป็นสิริมงคลสืบไป นอกจากนี้ ยังได้ทรงพระกรุณารับสมาคม สถาบัน และองค์กรต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามแนวพระราชดำริ หรือที่มีวัตถุประสงค์ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่ทรงให้การสนับสนุน ซึ่งล้วนเป็นไปเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ขาดแคลน หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ไว้ในพระราชูปถัมภ์

  • รางวัลเกียรติยศและพระเกียรติคุณ
  • ตำแหน่งเกียรติยศ
  • ปริญญากิตติมศักดิ์จากสถาบันในประเทศไทย พุทธศักราช ๒๕๒๐ - ๒๕๔๐
  • ปริญญากิตติมศักดิ์จากสถาบันในประเทศไทย พุทธศักราช ๒๕๔๑ - ปัจจุบัน
  • ปริญญากิตติมศักดิ์จากสถาบันต่างประเทศ
  • พระนามาภิไธยและนามพระราชทานพรรณพืชและสัตว์
  • พระนามาภิไธยและนามพระราชทานสถานที่และสิ่งต่าง ๆ
  • สมาคม สถาบัน และองค์กรในพระราชูปถัมภ์

งานอดิเรก
ยามที่ทรงว่างจากพระราชกิจ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพักผ่อนพระอิริยาบถโดยทรงมี งานอดิเรกที่สนพระทัย หลายประเภท เช่น ดนตรี งานศิลป์ กีฬา งานสะสม การทัศนศึกษา การอ่านและสะสมหนังสือ ทรงมีหอสมุดส่วนพระองค์ที่จัดเก็บหนังสือหลากหลายประเภท ทั้งที่ทรงเลือกซื้อด้วยพระองค์เองและที่มีผู้ทูลเกล้า ฯ ถวาย และดังเช่นเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า ทรงมีพระอัจฉริยภาพในการเรียงร้อยอักษร จึงทรงพระราชนิพนธ์ร้อยแก้วและร้อยกรองไว้เป็นจำนวนมาก มีทั้งประเภทบทความ เรื่องสั้น ความเรียง คำนำ บทกวี บทเพลง เรื่องแปล และสารคดี เป็นต้น รวมทั้งพระราชนิพนธ์ชุดเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ ซึ่งเปรียบเสมือน “บันทึกการเดินทาง” ที่ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน
 



ในปัจจุบัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ยังสนพระทัยศึกษาและฝึกฝนเรียนรู้ทักษะภาษาและวิชาการต่าง ๆ อยู่มิได้ขาด เช่น ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีน เทคโนโลยีสารสนเทศ ดาราศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น พระปรีชาสามารถด้านภาษา เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วหน้า นอกจากนี้ ยังสนพระทัยเข้าร่วมการประชุม แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ทรงศึกษาดูงาน และทรงพบปะสนทนากับปราชญ์ด้านต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ เพื่อทรงรับความรู้ใหม่ ๆ และทันสมัยอยู่เสมอ

  • งานอดิเรกที่สนพระทัย
  • ดนตรี
  • งานศิลป์
  • พระปรีชาสามารถด้านภาษา



วิดีโอเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี ๒๕๕๗


















ที่มา :  http://webcache.googleusercontent.com/search?                                               q=cache:zE4LbjS86rsJ:www.cad.go.th/ewtadmin/ewt/cadweb_client/download/News60yearprathep/60year_2557_1.pdf+&cd=1&hl=th&ct=clnk&gl=th

ที่มา :   http://www.sirindhorn.net/HRH-biography.php

ที่มา : https://www.youtube.com